7 จุดไฮไลต์ที่ต้องแวะในคามิโคจิ

13 พ.ค. 2022

คามิโคจิเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในแถบเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ที่ใครได้ไปเยือนก็ต้องไม่มีคำว่าผิดหวัง ในบทความนี้เราจะแนะนำจุดถ่ายรูปสวยๆในคามิโคจิทั้ง 7 แห่ง รับรองว่าบางแห่งต้องมีคนเดินไปไม่ถึงแน่นอน

เนื้อหาบทความ

  1. 1. แนะนำคามิโคจิ อุทยานแห่งชาติในญี่ปุ่น
  2. 2. 7 จุดถ่ายรูปสวยในคามิโคจิ
  3. 2.1. บึงไทโช (Taisho Pond)
  4. 2.2. สะพานคัปปะ (Kappa Bridge)
  5. 2.3. บึงทะชิโระ (Tashiro Marshland)
  6. 2.4. บึงดาเกะซาวะ (Dakesawa Marshland)
  7. 2.5. บึงเมียวจิน (Myojin Pond)
  8. 2.6. แม่น้ำอะซุสะ (Azusa River)
  9. 2.7. สถานที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashidaira)
  10. 3. วางแผนเดินทางไปคามิโคจิ
  11. 3.1. เดินทางเมื่อไหร่
  12. 3.2. ใบไม้เปลี่ยนสีในคามิโคจิ
  13. 3.3. สถานที่อำนวยความสะดวกในคามิโคจิ
  14. 4. การเดินทางไปคามิโคจิ
  15. 4.1. รถบัสจากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิ
  16. 4.2. รถบัสจากทาคายามะไปคามิโคจิ
  17. 4.3. รถบัสจากโนะริคุระไปคามิโคจิ
  18. 4.4. รถบัสจากโตเกียวไปคามิโคจิ
  19. 4.5. รถบัสจากเกียวโต/โอซาก้าไปคามิโคจิ
  20. 4.6. รถบัสจากนากาโนะไปคามิโคจิ
  21. 5. พาสรถบัสแนะนำ
  22. 5.1. 2-Day Free Passport
  23. 5.2. 4-Day Alps WIDE Free Passport
  24. 5.3. Alps Crossing Ticket

แนะนำคามิโคจิ อุทยานแห่งชาติในญี่ปุ่น

คามิโคจิเป็นหุบเขาแสนสวย ตั้งอยู่ในเขตภูเขาในจังหวัดนากาโนะ มักจะถูกเรียกว่า “ประตูสู่เทือกเขาเจแปนแอลป์” เพราะจากคามิโคจิสามารถเดินเทรกไปยังยอดเขาลูกไหนก็ได้ในเจแปนแอลป์ตอนเหนือ นอกจากนี้คามิโคจิยังเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุ (Chubu Sangaku) ซึ่งเต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์สวยงาม

สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปคามิโคจิ แนะนำให้อ่านบทความด้านล่างด้วยนะ!

 

อ่านเพิ่มเติม: คู่มือแนะนำเที่ยวคามิโคจิ (เที่ยวเมื่อไหร่ เดินทางยังไง เดินเที่ยวยังไง)

7 จุดถ่ายรูปสวยในคามิโคจิ

บึงไทโช (Taisho Pond)

“บึงไทโช” เป็นจุดแรกที่นักท่องเที่ยวจะได้ร้องว้าวตั้งแต่อยู่บนรถบัสไปกับความสวยงามน่าอัศจรรย์ของคามิโคจิ บึงแห่งนี้เกิดจากการระเบิดเมื่อประมาณ 100 ปีก่อนของภูเขาไฟยาเกะ (Mt. Yake) ซึ่งตั้งตะหง่านอยู่เป็นฉากหลัง

บึงไทโชแห่งนี้มีความสวยงามเป็นพิเศษในยามเช้าหลังพระอาทิตย์เพิ่งขึ้น บางวันสามารถชมหมอกที่ลอยเรี่ยๆบนผิวน้ำ เกิดเป็นภาพสวยงามน่าพิศวง ในฤดูร้อนยังสามารถเช่าเรือพายจากโรงแรมไทโชข้างๆพายเล่นในบึงได้ด้วย

 

แนะนำทิปส์: (ถ้าเลือกได้) ให้เลือกที่นั่งฝั่งซ้ายบนรถบัส เพราะสามารถชมบึงไทโชจากบนรถบัสได้ และให้ลงรถบัสที่ป้าย K-28 Taisho Pond แล้วเดินเลาะตามแม่น้ำไปสะพานคัปปะ จะได้เดินชมคามิโคจิได้ทั่วถึง

สะพานคัปปะ (Kappa Bridge)

จุดแลนด์มาร์คสำคัญในคามิโคจิคงหนีไม่พ้น “สะพานคัปปะ” จากจุดนี้สามารถชมวิวอันตระการตาของเทือกเขาโฮทากะ (Hotaka) ได้อย่างเต็มตา และเมื่อหันหลังไปก็จะเห็นภูเขาไฟยาเกะที่เราเดินจากมาจากบึงไทโช

ใกล้ๆสะพานคัปปะมีโรงแรม ร้านอาหารและร้านของฝากหลายแห่ง อยู่ห่างจากท่ารถบัสคามิโคจิและศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเพียง 300 เมตร เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญของคามิโคจิก็ว่าได้ สะพานคัปปะมีชื่อเสียงขึ้นมาหลังจากปรากฎในนวนิยายของนักเขียนชื่อดังอย่าง Akutagawa Ryunosuke เรื่อง “Kappa” ในปี 1927

 

พูดถึง “คัปปะ” เจ้าตัวปีศาจน่าตาน่ารักตัวนี้แล้ว ที่จริงที่มาของมันไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่ ตำนานพื้นบ้านเล่ากันว่า คัปปะเป็นปีศาจที่ชอบอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำและคอยดักหลอกล่อและทำร้ายผู้คนให้จมน้ำ ถึงแม้ว่าที่มาจะไม่ค่อยน่ารัก แต่ตามร้านของฝากในคามิโคจิมีของฝากคัปปะน่ารักขายอยู่เต็มไปหมดเลยล่ะ

บึงทะชิโระ (Tashiro Marshland)

ถ้าคุณไปถูกเวลาและโชคเข้าข้าง บึงเล็กๆแห่งนี้จะเป็นราวกับสรวงสวรรค์น้อยๆทีเดียวล่ะ

รูปนี้เก็บความสวยงามของบึงนี้ได้ไม่ถึงครึ่ง หากได้เห็นของจริงกับตาตัวเอง รับรองว่าจะต้องไม่ลืมภาพนี้ไปตลอดชีวิตแน่นอน!

ดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลอยโผล่เหลี่ยมเขาขึ้นมา สาดแสงอรุณลงมาบนกิ่งก้านต้นไม้ที่เต็มไปด้วยแม่คะนิ้ง เกิดเป็นภาพอันน่าตื่นตาอัศจรรย์ใจ ระยิบระยิบพร่างพราวเหมือนมีใครเอาเพชรมาโปรยลงบนกิ่งก้านต้นไม้ นอกจากนี้หมอกบางๆที่ลอยเหนือบึงยังเพิ่มความมหัศจรรย์ใจยิ่งขึ้นไปอีก

 

แนะนำทิปส์: ช่วงที่สามารถชมภาพตระการตานี้ได้คือช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง

บึงดาเกะซาวะ (Dakesawa Marshland)

ถ้าใครได้เดินไปบึงเมียวจินจากสะพานคัปปะเลียบทางฝั่งขวาของแม่น้ำ จะต้องพบเข้ากับบึงดาเกะซาวะแห่งนี้

สีฟ้าสดใสของท้องฟ้าสะท้อนลงบนบึงดาเกะซาวะทำประกายล้อกับแสงอาทิตย์

ระหว่างที่เดินไปบนทางไม้จะสามารถมองเห็นภูเขาโฮทากะผลุบๆโผล่ๆลอดผ่านยอดไม้ ร่มรื่นเย็นสบายไปตลอดทาง และที่เห็นโดดเด่นในบึงแห่งนี้ก็คือ ต้นไม้ที่ยืนตายเป็นจำนวนมากโดยมีภูเขารปเปียะกุ (Mt. Roppyaku) เป็นฉากหลัง สวยงามน่าประทับใจจนเราต้องของนำมาใส่ในลิสต์นี้

บึงเมียวจิน (Myojin Pond)

“บึงเมียวจิน” เป็นอีกหนึ่งสถานที่สวยงามที่หลายๆคนเดินไปไม่ถึงทั้งๆที่มาถึงคามิโคจิแล้ว บึงแห่งนี้อยู่ห่างจากสะพานคัปปะราว 3.5 กม. ใช้เวลาเดินประมาณ 70 นาที และตั้งอยู่ในเขตศาลเจ้าโฮทากะชั้นใน ทำให้มีบรรยากาศเงียบสงบศักดิ์สิทธิ์ต่างไปจากบริเวณสะพานคัปปะ

สุดปลายท่าน้ำที่ยื่นเข้าไปในบึงมีระฆังและกล่องทำทานวางไว้ ให้เราสามารถทำทานและบูชาเทพเจ้าได้

ในวันที่ 8 ตุลาคมของทุกๆปี จะมีการทำพิธีกรรมแบบชินโต เรียกว่า “โอะฟุเนะมัตสึริ” (Ofune Matsuri) แปลตรงๆได้ว่า “เทศกาลเรือ” ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าและขอให้นักเดินทางเดินทางอในภูเขาย่างปลอดภัย นักบวชจะแต่งตัวในชุดพิธีการแบบสมับยุคเฮอัน (794-1185) และขึ้นไปยืนบนเรือซึ่งประดับไปด้วยหัวนกฟีนิกซ์และมังกรที่หัวเรือ

เทศกาลโอะฟุเนะมัตสึริในปี 2015

แต่ก่อนที่จะเข้าไปถึงบึงโทโช ที่หน้าทางเข้ายังมีอีกสถานที่แห่งนี้ที่น่าแวะก็คือ “ร้านคะมอนจิโคะยะ” ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สามารถจับต้องได้ “คุณคะมิโจ คะมอนจิ” ซึ่งเป็นรุ่นทวดของเจ้าของรุ่นปัจจุบันเป็นเพื่อนและผู้นำทางให้กับ “วอลตัน เวสเตอร์” ผู้ที่ทำให้เจแปนแอลป์เป็นที่รู้จักในโลกตะวันตก สามารถนั่งพักเพื่อพักผ่อนรับประทานของว่างได้ที่นี่ได้ เมนูยอดฮิตคือ “ปลาอิวานะย่างเกลือ”

“ร้านคะมอนจิโคยะ” กับเมนู “ปลาอิวานะย่างเกลือ”

แม่น้ำอะซุสะ (Azusa River)

สีฟ้าใสแจ๋วราวกระกระจกของแม่น้ำอะซุสะเป็นหนึ่งในเมนไฮไลต์ของคามิโคจิ เรียกได้ว่าคามิโคจิจะไม่เป็นคามิโคจิเลยถ้าไม่มีแม่น้ำสายนี้

แม่น้ำแสนสวยสายนี้มีต้นน้ำมาจากภูเขายาริ “Mt. Yari” ไหลผ่ากลางหุบเขาคามิโคจิ และเปลี่ยนชื่อไปมาตามแต่แม่น้ำที่ไหลไปรวม ก่อนจะกลายเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นและไหลไปลงทะเลญี่ปุ่นที่จังหวัดนีกาตะ

ตลอดทางเดินเลียบน้ำแม่น้ำเดินสบายเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี เมื่อช่วงน้ำน้อยเราสามารถจะลงไปเดินเล่นบนก้นแม่น้ำบางส่วนได้เลย

กวาดสายตาดูดีๆ อาจจะเจอเก้าอี้โซฟาธรรมชาติแบบนี้ก็ได้!

สถานที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระ (Konashidaira)

บริเวณที่ตั้งแคมป์โคะนาชิไดระเป็นหนึ่งในจุดที่หลายคนเดินข้ามไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งๆที่อยู่ห่างจากสะพานคัปปะเพียงแค่ 5 นาที ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยต้นคาระมัตสึ (Karamatsu) และยังมีวิวพรีเมียมของเทือกเขาโฮทากะในบรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ ห่างไกลจากผู้คนจอแจ

วางแผนเดินทางไปคามิโคจิ

เดินทางเมื่อไหร่

คามิโคจิมีกำหนดการเปิดอุทยานระหว่าง 17 เมษายน – 15 พฤศจิกายนของทุกปี ระหว่างช่วงปิดอุทยานจะไม่มีรถบัส แท็กซี่และโรงแรมให้บริการในคามิโคจิ

ใบไม้เปลี่ยนสีในคามิโคจิ

อย่างที่ทราบกันดีว่าใบไม้เปลี่ยนจะเริ่มเปลี่ยนสีจากที่สูงและค่อยๆไล่ลงสู่ที่ต่ำทีละน้อย บริเวณทางเดินปีนเขาเหนือขึ้นไปจาก Yokoo Sanso จะเริ่มเปลี่ยนสีช่วงระหว่างปลายกันยายน – ต้นตุลาคม

 

ส่วนบริเวณด้านล่างคามิโคจิบริเวณสะพานคัปปะที่ความสูง 1,500 เมตร จะสามารถชมต้นคาระมัตสึเปลี่ยนเป็นที่เหลืองทองได้ระหว่างสัปดาห์ที่ 3-4 ของเดือนตุลาคมไปจนถึงสัปดาห์แรกเดือนพฤศจิกายน

สถานที่อำนวยความสะดวกในคามิโคจิ

ในประเทศที่ไม่ว่าไปไหนก็มีร้านสะดวกซื้ออย่างประเทศญี่ปุ่น กลับไม่มีทั้งตู้ATM และร้านสะดวกซื้อแม้แต่แห่งเดียวในคามิโคจิ

 

นอกจากร้านขายของฝากที่จะมีขายของใช้เล็กๆน้อยๆแล้ว ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวยังมีจำหน่ายอุปกรณ์เดินเขาบางอย่าง เช่น ปลอกขากันทราย (Gaiters) กระปุกเตาแก๊สขนาดเล็ก ชุดกันฝน อาหารฟรีซดราย เป็นต้น อย่างไรก็ตามที่นี่ไม่ใช่ร้านขายของเอาท์ดอร์ ถ้าใครจะไปเดินเขาแล้วล่ะก็ เตรียมมาให้พร้อมตั้งแต่อยู่ในเมืองเลยจะดีที่สุด

ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ยังมีเก้าอี้รถเข็นกับเป้อุ้มเด็กให้เช่าฟรีด้วย (มีจำนวนจำกัด) และสำหรับใครที่เพิ่งปีนเขากลับลงมาอยากจะอาบน้ำชำระร่างกาย ก็มีห้องอาบน้ำแบบหยอดเหรียญให้ใช้ด้วย (100 เยน อาบได้ 3 นาที + ค่าธรรมเนียม 100 เยน )

 

แนะนำทิปส์: ในคามิโคจิมีโรงแรมเพียง 2 แห่งที่สามารถแช่ออนเซ็นธรรมชาติได้ ได้แก่ โรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า (Kamikochi Lemeiesta Hotel) และโรงแรมออนเซ็น (Onsen Hotel) ที่โรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแขกที่เข้าพัก ก็สามารถผ่อนคลายร่างกายไปกับการแช่ออนเซ็นและเก้าอี้นวดได้ระหว่างเวลา 11:00 -13:00 น. (2,200 เยน)

ออนเซ็นธรรมชาติที่โรงแรมคามิโคจิเลอมิเอสต้า

การเดินทางไปคามิโคจิ

การเดินทางไปคามิโคจิจะต้องใช้รถบัสสาธารณะและรถแท็กซี่เท่านั้น เพราะมีการจำกัดจำนวนรถยนต์เข้าอุทยานเพื่อเป็นการรักษาสภาพแวดล้อม ในฤดูหนาวหากต้องการเดินทางไปคามิโคจิ มีทางเดียวคือต้องเดินสโนว์ชูส์เข้าไป

ท่ารถบัสคามิโคจิและรถบัส Alpico

วิธีเดินทางไปคามิโคจิที่ง่ายที่สุดคือ นั่งรถบัสตรงจากโตเกียวหรือโอซาก้า ไม่เช่นนั้นก็ต้องเดินทางไปเมืองมัตสึโมโต้ (จ.นากาโนะ) หรือเมืองทาคายามะ (จ.กิฟุ) แล้วต่อรถไฟและรถบัสไปคามิโคจิ

รถบัสจากมัตสึโมโต้ไปคามิโคจิ

จากมัตสึโมโต้ วิธีเดินทางที่ง่ายและสบายที่สุดคือ นั่งรถบัสตรง “National Park Liner” รวดเดียวถึงคามิโคจิโดยไม่ต้องต่อรถ ให้บริการวันละ 2 รอบ เวลา 5:30 น. และ 10:15 น. (*จำเป็นต้องจองที่นั่งล่วงหน้า)

 

จองและซื้อตั๋วรถบัส National Park Liner >

 

อีกวิธีคือ นั่งรถไฟอัลปิโก้สาย Kamikochi จากสถานีมัตสึโมโต้ไปลงที่สถานีชินชิมะชิมะ (Shin-Shimashima) หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสไปคามิโคจิ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที

 

ดูตารางรถบัสสายมัตสึโมโต้ – คามิโคจิ >

ดูวิธีการเดินทางระหว่างมัตสึโมโต้ -คามิโคจิอย่างละเอียด >

 

ดูตารางรถบัสไปมัตสึโมโต้ทั้งหมด >

รถบัสจากทาคายามะไปคามิโคจิ

ทาคายามะเป็นจุดตั้งต้นในการเดินทางไปคามิโคจิในกรณีที่เดินทางมาจากฝั่งคันไซ นั่งรถบัสโนฮิจากทาคายามะไปลงที่ฮิรายุออนเซ็น หลังจากนั้นก็ต่อรถบัสไปคามิโคจิอีกครั้ง

 

ดูตารางรถบัสสายทาคายามะ – คามิโคจิ >

รถบัสจากโนะริคุระไปคามิโคจิ

โนะริคุระเป็นแหล่งท่องเที่ยว unseen อีกแห่งหนึ่ง อยู่ห่างจากคามิโคจิเพียงแค่ 90 นาที การเดินทางระหว่างสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่งนี้ จำเป็นต้องต่อรถ 1 ครั้งที่ท่ารถบัสสะวันโดะ (Sawando)

 

ดูตารางรถบัสสายโนะริคุระ – คามิโคจิ >

รถบัสจากโตเกียวไปคามิโคจิ

จากโตเกียวไปคามิโคจิมีรถบัสตรง “Sawayaka Shinshu-go” ออกเดินทางจากสถานีโตเกียว ท่ารถบัสชินจูกุ และ Shibuya Mark City ให้บริการทั้งรอบกลางวันและรอบกลางคืน โดยใช้รถบัสแบบที่นั่ง 4 แถว และแบบที่นั่ง 3 แถว (Premium Green car) ที่นั่งแบบ 3 แถวจะกว้างและนั่งสบายกว่าและใช้สำหรับรถบัสกลางคืนเท่านั้น สำหรับนักท่องเที่ยวปีนเขาแนะนำรถบัสรอบกลางคืนเพราะจะถึงคามิโคจิในตอนเช้าพอดี สามารถเริ่มเดินขึ้นเขาได้โดยไม่เสียเวลา

 

ดูตารางรถบัสสายสถานีโตเกียว – คามิโคจิ >

ดูตารางรถบัสสายชินจูกุ – คามิโคจิ >

ดูตารางรถบัสสายชิบุยะ – คามิโคจิ >

ดูตารางรถบัสสายโอมิยะ/คาวะโกเอะ – คามิโคจิ >

รถบัสจากเกียวโต/โอซาก้าไปคามิโคจิ

นอกจากโตเกียวแล้ว ก็ยังมีรถบัสตรงจากเกียวโตและโอซาก้าด้วย ให้บริการทั้งรอบกลางวันและกลางคืน

 

ดูตารางรถบัสสายเกียวโต/โอซาก้า – คามิโคจิ >

รถบัสจากนากาโนะไปคามิโคจิ

ถ้าหากตัวอยู่นากาโนะแล้วก็ง่ายเลย จากนากาโนะมีรถบัสตรงไปคามิโคจิ ใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 2 ชั่วโมง

 

ดูตารางรถบัสสายนากาโนะ – คามิโคจิ >

พาสรถบัสแนะนำ

2-Day Free Passport

ขอบเขตใช้งาน: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ โนะริคุระ และชิราโฮเนอะออนเซ็น

ราคา: 7,500 เยน (9,000 เยน สำหรับพาสแบบ 3 วัน)

ดูรายละเอียดพาส 2-Day Free Passport >

4-Day Alps WIDE Free Passport

ขอบเขตใช้งาน: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ โนะริคุระ ชิราโฮเนอะออนเซ็น ทาคายามะ ชิราคาวะโก ชินโฮทากะโรปเวย์ เกะโระออนเซ็น เป็นต้น

ราคา: 11,000 เยน (13,000 เยน รวมตั๋วโรปเวย์ไปกลับ)

ดูรายละเอียดพาส 4-Day Alps WIDE Free Passport >

Alps Crossing Ticket

ขอบเขตใช้งาน: มัตสึโมโต้ คามิโคจิ และทาคายามะ

ราคา: 5,000 เยน

ดูรายละเอียดพาส Alps Crossing Ticket >

5 สถานที่ต้องไปในเจแปนแอลป์ตอนเหนือ!
มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 บนรถแท็กซี่

บทความที่คุณอาจสนใจ

5 สถานที่ต้องไปในเจแปนแอลป์ตอนเหนือ!

(อัพเดตปี 2023) คู่มือแนะนำเที่ยวคามิโคจิฉบับเต็ม (เที่ยวเมื่อไหร่ เดินทางยังไง เปิดปิดเมื่อไหร่ เดินเที่ยวยังไง)