เนื้อหาบทความ
กลับมาเจอกันอีกครั้ง คราวนี้แอดมินจะพาขึ้นเหนือจากคามิโคจิ ไปลองเทรกกิ้งที่ฮาคุบะกันค่ะ ใครที่เป็นคอสกีคงจะรู้จักฮาคุบะดี เพราะเป็นสกีรีสอร์ทที่ดีที่สุดของญี่ปุ่นอีกแห่งไม่แพ้ที่ฮอกไกโดเลย (ถึงขนาดได้เป็นที่จัดโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1998) แม้ว่านักท่องเที่ยวจะไม่ค่อยไปกันในฤดูร้อน แต่ที่จริงที่นี่มีธรรมชาติแจ่มๆมากมาย รับรองว่าไปแล้วไม่ผิดหวังแน่นอน สถานที่ที่จะแนะนำในบล็อกนี้คือ “บึงฮัปโป” (Happo Pond หรือ Happo-ike) อยู่ในฮาคุบะเหนือสุดแดนเทือกเขาเจแปนแอลป์
เดินเทรกกิ้งหน้าร้อนที่ฮาคุบะ
ระยะทาง: ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
ความสูงต่างระดับ: 230 เมตร
ระยะเวลา: 1 ชม. 30 นาที (ขาเดียว)
ระหว่างทางต่อลิฟต์ ถ้าไม่มีเมฆ เราคงจะเห็นฟ้าเป็นฉากหลังสวยงามตัดกับภูเขาข้างหน้า
การเดินทางขึ้นไปจุดที่เริ่มเทรกกิ้ง จะต้องนั่งกอนโดล่า 1 ครั้ง (Gondola Adam) และลิฟต์อีก 2 ครั้ง (Alpen Quad Lift และ Grad Quad Lift) รวมเรียกว่า Happo Alpen line ราคาไปกลับ 2,900 เยน ใช้เวลานั่งขาเดียวประมาณ 20 นาที ซึ่งสถานีกอนโดที่ต้องขึ้นเป็นอันแรกก็อยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวจากป้ายรถชัตเติลบัส (ดูแผนที่เทรกกิ้ง)
ลงลิฟต์อันสุดท้ายแล้ว อย่าลืมดูเวลาลิฟต์ขากลับเที่ยวสุดท้ายด้วยนะคะ จากตรงนี้ไปเราก็จะเริ่มเทรกกิ้งกันแล้ว
เทรกกิ้งที่นี่เดินไม่ยากเพราะมีทางเดินไม้ทำไว้ให้ แต่ขาขึ้นเหนื่อยหน่อย ตลอดทางส่วนใหญ่เป็นการเดินขึ้นเขาตลอด หากมีรองเท้าเดินเทรกกิ้งก็ควรจะเตรียมมา แต่ถ้าไม่มีอย่างน้อยก็ควรจะเป็นรองเท้าผ้าใบ ที่สำคัญคือต้องเตรียมครีมกันแดดมาด้วย เส้นทางเดินมี 2 ทางให้เลือก 1. ไปด้านซ้าย เดินง่ายกว่า ครึ่งหนึ่งเป็นทางเดินไม้ 2. ไปด้านขวา จะมีทางเดินส่วนหนึ่งเป็นหิน เดินลำบากหน่อย ถ้ามีผู้สูงอายุไม่แนะนำทางนี้ค่ะ
แม้จะเข้าสู่หน้าร้อนแล้วก็ยังเหลือหิมะให้เชยชม คล้ายๆกับที่โนริคุระ (Norikura) เพราะเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน จึงยังหลงเหลือหิมะให้เห็นในหุบที่ไม่โดนแดดจังๆ บล็อกนี้เราจะแนะนำเฉพาะการเทรกไปบึงฮัปโป แต่หากใครสนใจก็สามารถปีนขึ้นไปถึงยอดเขาคะระมะสึ (Mt. Karamatsu) ด้วยก็ได้
สำหรับคำถามยอดฮิต "ควรไปช่วงไหนดีที่สุด?" คำตอบขึ้นอยู่กับว่าต้องการไปดูอะไร ถ้าอยากไปดูดอกไม้อัลไพน์ ช่วงที่ดีที่สุดคือระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. แต่ถ้าอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะเป็นช่วงปลายก.ย.-ต้นต.ค.
ระหว่างทางก็จะเจอกองภูเขาหินแบบนี้ไปตามทาง ซึ่งความจริงแล้วก็คือหินตามข้างทางที่นักปีนเขาช่วยกันวางสุมๆกันไว้ เพราะพอถึงฤดูหนาว หิมะจะบังทางเดินกับต้นไม้ทั้งหมด จึงต้องมีสัญลักษณ์ช่วยบอกทาง เรียกว่า “cairn”
ระหว่างลองหันกลับลงมาก็เจอ cairn หน้าตาตลกยียวน จนต้องกดชัตเตอร์เก็บมา 1 รูป :D
สันเขาของ Happo-one ทอดยาวไปทิศต่างๆถึง 8 ทิศ จึงเป็นที่มาของชื่อซึ่งแปลว่า “สันเขา 8 ทิศ” จากตรงนี้สามารถมองเห็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่นถึง 11 แห่งจากทั้งหมด 100 อันดับ ในวันที่ท้องฟ้าเป็นใจ เราสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จาก cairn หมายเลข 1 ด้วย
ทางบางช่วงขาดไปนิดหน่อยเพราะหิมะ
มุมสวยห้ามพลาด แต่เราพลาดเพราะเมฆบังยอดเขา
เดินลงไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วจ้า บึง “Happo-ike “ พอได้มายืนอยู่ตรงหน้าวิวแบบนี้แล้ว ทำให้ยิ่งรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทิวเขาข้างหน้าอยู่ใกล้จนเหมือนอยู่แค่เอื้อม ความจริงแล้ว ภาพของที่นี่บนใบปลิวที่เราเห็น มักจะเป็นรูปที่ท้องฟ้าใสเป็นสีฟ้าไร้เมฆ น้ำในบึงนิ่งสงบสะท้อนภูเขาบนพื้นน้ำเป็นรูปสมมาตร แต่ถึงแม้พอไปจริง ท้องฟ้าจะไม่เป็นใจ แต่มันก็สวยไปอีกแบบ ว่ามั๊ยคะ?
ความเชื่อตามศาสนาชินโต ในธรรมชาติทุกที่ล้วนแต่มีเทพเจ้าสถิตอยู่ โดยเฉพาะบนภูเขา จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นศาลเจ้าเล็กๆแบบนี้อยู่ทั่วไปตามยอดเขาต่างๆ
พอขึ้นไปสูงๆ จะไม่ค่อยเห็นต้นไม้สูงใหญ่ เพราะฉะนั้นถ้าอยากเห็นดอกไม้ให้มองต่ำตามซอกหินไว้ค่ะ
มุมจากข้างบนเห็นทั้งดอกไม้ ภูเขา และบึง
การเดินทางไปฮาคุบะ
จากโตเกียวไปฮาคุบะ
นั่งรถบัสจาก Shinjuku Expressway Bus Terminal มาลงที่ Hakuba Happo Bus Terminal (5 ชม. ราคา 2,800~6,100 เยน)
ดูตารางบัสจากชินจูกุไปฮาคุบะ >
จากนากาโนะไปฮาคุบะ
นั่งรถบัสจากสถานี Nagano มาลงที่ Happo Bus Terminal (1 ชม. 30นาที ราคา 2,200 เยน)
ดูตารางบัสจากสถานีนากาโนะไปฮาคุบะ >
จากมัตสึโมโต้ไปฮาคุบะ
นั่งรถไฟจากสถานี JR มัตสึโมโต้ (Oito Line) มาเปลี่ยนรถไฟที่สถานี JR Shinano Omachi เพื่อต่อรถไฟไป Minami Otari (สายเดิม Oito Line) และลงที่สถานี Hakuba (ประมาณ 1 ชม. 40 นาที ราคา 1,140 เยน) *หมายเหตุ ที่จริงมีรถไฟที่วิ่งตรงไปฮาคุบะเลย โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟ 1 เที่ยว/วัน (Azusa No.3)
ตารางเวลาชัตเติลบัสที่ไปสถานีกอนโดล่าฮัปโป
จากทั้ง Happo Bus Terminal และ สถานี Hakuba จะมีรถชัตเทิลบัสวิ่งไปสถานีกอนโดล่า (Happo Gondola) ซึ่งเราต้องนั่งกอนโดล่าขึ้นไปยังจุดเริ่มต้นในการเทรกไปยังบึงฮัปโป ที่จริงแล้วสถานีกอนโดล่าอยู่ห่างจาก Happo Bus Terminal ประมาณ 1 กิโลเมตร ถ้าไม่อยากรอรถบัส เดินไปเองก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาที
ตารางเวลาชัตเติลบัสภายในฮาคุบะ
Hakuba Shuttle (ไปฮัปโปโอเนะ / อิวาตาเกะ / โกะริว / สวนโอะอิเดะ)
ราคาค่าโดยสาร: 300 เยนต่อเที่ยว / 500 เยนสำหรับตั๋ว 1 วัน
ช่วงเวลาให้บริการ: ทุกเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดระหว่าง 6 – 28 มิ.ย. / ทุกวันระหว่าง 1 ก.ค. – 31 ส.ค. /ทุกวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ระหว่าง 5 ก.ย. – 8 พ.ย. รวมถึงวันที่ 2 พ.ย. (แม้ว่าจะเป็นวันธรรมดาก็ตาม)
Hakuba Mountain Resort Shuttle Bus (ไปฮัปโปโอเนะ / อิวาตาเกะ / สึกาอิเคะ)
ราคาค่าโดยสาร: ผู้ที่มีตั๋วกอนโดล่าและลิฟต์ของ Happo Alpen Line, Tsugaike Mountain Resort หรือ Tsugaike Panorama Way สามารถใช้บริการได้ฟรี
ช่วงเวลาให้บริการ: ทุกวันระหว่าง 1 มิ.ย. – 25 ต.ค.
แถมลายแทงแวะอาบน้ำ แช่ออนเซ็นก่อนกลับ
หลังจากกลับลงมา นั่งรถบัสกลับไปท่ารถ Happo แล้ว เดินข้ามไฟแดงไปเพียง 2 นาที ก็จะเจอออนเซ็นที่ให้บริการแบบไปเช้า-เย็นกลับ “Happo no Yu” (ไม่ใช่โรงแรมเรียวกังนะ) ให้เราสามารถแวะอาบน้ำ แช่ตัวได้ มีสบู่ แชมพูพร้อม (ค่าบริการ 800 เยน ถ้าไม่มีผ้าขนหนูซื้อแยก 200 เยน) ส่วนใครที่ไม่อยากแช่ทั้งตัว ก็แวะแช่เท้าข้างนอกอย่างเดียวก็ได้ ไม่เสียเงิน
หลังจากกลับลงมา นั่งรถบัสกลับไปท่ารถ Happo แล้ว เดินข้ามไฟแดงไปเพียง 2 นาที ก็จะเจอออนเซ็นที่ให้บริการแบบไปเช้า-เย็นกลับ “Happo no Yu” (ไม่ใช่โรงแรมเรียวกังนะ) ให้เราสามารถแวะอาบน้ำ แช่ตัวได้ มีสบู่ แชมพูพร้อม (ค่าบริการ 800 เยน ถ้าไม่มีผ้าขนหนูซื้อแยก 200 เยน) ส่วนใครที่ไม่อยากแช่ทั้งตัว ก็แวะแช่เท้าข้างนอกอย่างเดียวก็ได้ ไม่เสียเงิน
บล๊อกหน้าแอดมินจะพาไปไหนอีก ฝากติดตามด้วยนะคะ