ตะลุยเดินเทรกผ่านดงใบไม้เปลี่ยนสี @ยอดเขาโนริคุระ

25 ต.ค. 2019

ด้วยความสูงเกือบ 3,000 เมตร ยอดเขาโนริคุระ (Mt. Norikura) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่สามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีได้เป็นที่แรกๆในญี่ปุ่น โดยปกติจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนไปจนถึงต้นตุลาคม ใครที่ไม่ใช่สายลุยเดิน จะนั่งรถบัสชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางไปถึงยอดแล้วลงเดินขึ้นยอดเขาใกล้ๆไปสัมผัสวิวมุมสูงแบบพาโนราม่าก็ไม่ว่ากัน แต่บทความนี้เราจะมาเล่าวิธีการเดินเทรกที่ภูเขาโนริคุระอย่างละเอียดถี่ยิบ เผื่อใครจะมาตามรอยกัน ไปดูกันเลยค่ะ

เนื้อหาบทความ

  1. 1. จุดเริ่มต้นเดินเทรก "ยอดเขาโนริคุระ (ทาตามิไดระ)"
  2. 2. บันทึกเส้นทางเดินเทรก
  3. 3. วิธีการเดินทางไปโนริคุระ
  4. 3.1. ตารางเวลารถไฟและรถบัส
  5. 4. พาสรถบัสแนะนำ
  6. 4.1. พาส 2-Day Free Passport
  7. 4.2. พาส 2-Day Free Passport plus ONE

จุดเริ่มต้นเดินเทรก "ยอดเขาโนริคุระ (ทาตามิไดระ)"

สำหรับใครที่ต้องการเดินเทรกชมธรรมชาติแบบไม่เร่งรีบ แนะนำให้ออกเดินทางแต่เช้า วันนี้เราขึ้นรถไฟจากมัตสึโมโต้รอบ 7:15 น. และไปถึงยอดเขาโนริคุระ (Norikura Tatamidaira) เวลา 9:50 น. ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน แต่แนะนำว่าอย่าหลับกลางทาง อย่างน้อยก็ระยะทางจากศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวไปยอดเขาโนริคุระ เพราะตลอดทางมีวิวสวยๆให้ดูตลอด ยิ่งเรานั่งมองวิวจากรถบัสที่อยู่สูงแล้ว ทำให้เราได้เห็นวิวจากมุมสูงด้วย *วิธีการเดินทางไปโนริคุระ (ทาตามิไดระ) จะเขียนไว้อย่างละเอียดด้านล่างบล็อก

นี่ขนาดแค่วิวจากในรถบัสนะเนี่ย !
ระหว่างใกล้ๆจะถึงยอด ระหว่างทางจะเห็นตากล้องมือสมัครเล่นและมืออาชีพมากมาย

ในที่สุด หลังจากนั่งรถจนเริ่มเมื่อยก้น เราก็มาถึงยอดเขาโนริคุระแล้ว (ลงวันที่ 1 ตุลาคม 2019)

หลังจากนั่งรถบัสอย่างยาวนานก็มาถึงยอดเขาโนริคุระ หรือบางครั้งก็เรียกว่า “ทาตามิไดระ” (Tatamidaira) ซึ่งเป็นศูนย์รวมความเจริญในป่าและภูเขาแห่งนี้ คือมีร้านอาหาร ร้านของฝาก ห้องน้ำ ศาลเจ้าและที่พักเล็กๆ 2-3 แห่งสำหรับนักปีนเขา จากตรงนี่เองคือจุดสตาร์ทสำหรับการเดินเทรกและการปีนเขาลูกต่างๆในดินแดนใต้สุดของเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือแห่งนี้

พอมาถึง หลายๆคนอาจจะงงเหมือนแอดมินในตอนแรก มองไปทางไหนก็มีแต่ภูเขา แล้วตกลงยอดเขาโนริคุระเนี่ยมันยอดไหนกันแน่ คำตอบคือภูเขาโนริคุระ (Mt. Norikura) เป็นชื่อเรียกรวมๆเทือกเขาในแถบนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยยอดเขาอีก 23 แห่ง โดยมียอดที่สูงที่สุดและนิยมปีนกันมากที่สุดคือยอดเขาเค็งกามิเนะ (Mt. Kengamine) ความสูง 3,026 ม. นอกจากนี้ก็ยังมียอดเขาต่างๆอีกมากมายที่แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลยก็ปีนได้สบายๆเช่น ยอดเขามาโอ (Mt. Mao) ความสูง 2,763 ม. และยอดเขาไดโกะกุ (Mt. Daikoku) ความสูง 2,772 ม.

อีกอย่างหนึ่งที่นักท่องเที่ยวหลายคนไม่รู้ก็คือ ที่จริงแล้วยอดเขาโนริคุระตั้งอยู่คาบเกี่ยวกันระหว่างจังหวัดนากาโนะและกิฟุ สามารถเดินทางขึ้นมาได้จากทั้ง 2 ฝั่ง ดังนั้นของฝากและอาหารที่ขายอยู่ก็จะเป็นของขึ้นชื่อของทั้ง 2 จังหวัด

บึงสึรุกะ (นกกระเรียน) ซึ่งจะมองเป็นนกกระเรียนได้ เราต้องปีนเขาขึ้นไปมองลงมาจากด้านบนค่ะ

ถึงแม้ว่าจะเร็วไปซักนิด แต่เราก็ตัดสินใจหาอาหารทานก่อนเริ่มออกแรงเดิน ในอาคารทางด้านซ้ายมือชั้นแรกมีร้านอาหารขายของกินเล่นเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่น โอเด้ง โอยากิไส้ต่างๆ (ซาลาเปาญี่ปุ่น) ทาโกยากิ เป็นต้น และยังมีเคาน์เตอร์ให้ข้อมูลเส้นทางการเดินเทรกและปีนเขาอยู่ แผ่นพับส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ก็สามารถขอเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษได้ ส่วนที่ชั้น 2 จะมีอาหารให้เลือกหลากหลายกว่า อย่างเช่น ชุดข้าวหน้าเนื้อฮิดะ เนื้อฮิดะย่างใบโอบะ แกงกระหรี่ อุด้ง โซบะ เป็นต้น

บันทึกเส้นทางเดินเทรก

แผนการเดินวันนี้คือ เริ่มต้นจากทาตามิไดระ เดินเทรกลงเขาไปป้ายรถบัสคุไรกาฮาระซันโซะ (N-38 Kuraigahara Sanso) และขึ้นรถบัสกลับลงไปศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโนริคุระ จากแผนที่เทรกกิ้งที่เขียนไว้ว่าใช้เวลาเดือนประมาณ 2-2.5 ชั่วโมง แต่เนื่องจากเราใช้เวลาในการถ่ายรูปค่อนข้างนานบวกกับแวะปีนยอดเขาไดโกะกุด้วย สรุปจึงเดินใช้เวลาไปราวๆ 4 ชั่วโมง ถ้าใครที่ใช้เวลาถ่ายรูปนานหรืออยากจะค่อยๆเดินดื่มด่ำธรรมชาติ แนะนำให้เผื่อเวลาด้วยนะคะ

ทางเดินขึ้นเขาไดโกะกุ (Mt. Daikoku)

ในช่วงแรก เราจะเริ่มเดินไปบนถนนก่อน โดยย้อนทางที่เรานั่งรถบัสขึ้นมา ระหว่างทางด้านซ้ายมือจะพบกับทางเดินขึ้นเขาไดโกะกุ (Mt. Daikoku) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับป้ายรถบัส N41-Elevation 2,716m ซึ่งเป็นป้ายรถบัสที่อยู่สูงที่สุดในญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินขึ้นลงเพียง 30 นาที เมื่อขึ้นไปถึงก็ได้ชมวิวสวยๆจากยอดเขา มองไปไกลลิบจนถึงยอดเขายาริกาตาเกะ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นของญี่ปุ่น จากตรงนี้ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นใบไม้เปลี่ยนสีเท่าไหร่ แต่ก็จะได้วิวมุมสูงจากบนยอดเขาแทน

วิวจากยอดเขาไดโกะกุ (Mt. Daikoku)

สำหรับวิวใบไม้เปลี่ยนสีสวย เราต้องเดินกลับลงไปข้างล่าง เป้าหมายถัดไปของเราคือป้ายรถบัส N-40 Daisekkei/Path to Katanoya

ถนนโนริคุระเอคโค่ไลน์ หนึ่งในสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงที่สุดในนากาโนะ

หลังจากเดิน 30 นาที ก็จะเจอกับกระท่อมเล็กๆสำหรับหลบภัยกับห้องน้ำสาธารณะอยู่ใกล้ๆกับป้ายรถบัส N-40 Daisekkei/Path to Katanoya ซึ่งเป็นป้ายเดียวกับที่รถบัสชมกำแพงหิมะ (Haruyama Bus) มาหยุดจอดให้เราเดินไปชมกำแพงหิมะในฤดูใบไม้ผลิ จากจุดนี้ไปเราจะออกจากถนนและเริ่มเดินโดยใช้ทางเดินในภูเขา ทางเข้าอาจจะหายากอยู่สักหน่อยและไม่มีป้ายบอกทางภาษาอังกฤษ แต่ให้มองหาลูกศรสีแดงบนหิน (ในภาพด้านบน) ตรงนั้นแหละที่ทางเข้าทางเดินเทรก

อ่านเพิ่มเติม: นั่งรถบัส “ฮารุยามะบัส” ชมกำแพงหิมะที่โนริคุระ!

ทางเดินในช่วงแรก เต็มไปด้วยหินใหญ่น้อยระเกะระกะเต็มไปหมด และอย่างที่บอกไปว่าเป็นทางเดินในป่า เพราะฉะนั้นหากใครจะมาตามรอยเดินเทรก ก็ต้องเตรียมตัวมาให้พร้อมนะคะ คำถามที่พบบ่อยคือผู้ที่มีอายุสามารถมาเดินเทรกแบบนี้ได้มั๊ย คำตอบก็ขึ้นอยู่ความฟิตของแต่ละคน เพราะเท่าที่เห็นก็มีคุณลุงคุณป้ามาเดินเทรกกัน เยอะยิ่งกว่าคนหนุ่มสาวเสียอีก ถ้าร่างกายแข็งแรงก็ไม่มีปัญหา

เดินไปประมาณ 30 นาทีก็จะทะลุออกไปเจอถนนอีกครั้ง ให้เดินเลียบถนนไปทางซ้าย ผ่านทางเลี้ยวโค้งและมองหาทางเข้าเส้นทางเดินเทรกช่วงที่สองทางด้านซ้ายมือ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากป้ายรถบัส N-39 Hototokureijin (ในภาพด้านบน) จะสังเกตเห็นลูกศรสีแดงบนท่อระบายน้ำ

รูปหล่อนักพรต Hotokureijin

ระหว่างทางจะพบกับรูปหล่อนักพรต Hotokureijin(宝徳霊神)ซึ่งไม่มีข้อมูลอะไรกล่าวไว้มากนัก เพียงแต่บอกว่าในอดีตเป็นผู้ที่เปิดภูเขาโนริคุระให้คนทั่วไปได้เดินทางเข้ามาได้ ซึ่งแอดมินคิดว่าคงจะหมายถึงในอดีตที่การปีนเขาเป็นไปเพื่อจุดประสงค์ในการแสวงบุญ คือภูเขาเป็นที่สถิตของเทพเจ้า ดังนั้นไม่ใช่ว่าใครจะมาปีนก็มาได้ อย่างเช่นภูเขาบางแห่งก็ห้ามไม่ให้ผู้หญิงเข้า เป็นต้น

ลานพิธีกรรมโคโนะริซามะ (コウノリサマ祭祀場)

เส้นทางเทรกช่วงที่ 2 ใช้เวลาเดินประมาณ 75 นาที และมีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีระหว่างทางอยู่หลายแห่ง ระหว่างทางให้คอยสังเกตเครื่องหมายบอกทางด้วย ได้แก่สัญลักษณ์ลูกศร วงกลม ผ้าที่ผูกไว้ที่กิ่งไม้ เมื่อเดินไปสักพักจะพบกับหินก้อนมหึมาที่กั้นทางอยู่ ให้ปีนขึ้นไป ก็จะพบกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีร้อยล้านทั้งสีเหลือง ส้ม แดง เขียวแซมสลับกันกันสวยงามคุ้มกับความเหนื่อย จุดชมวิวตรงนี้แปลจากภาษาญี่ปุ่นตรงๆได้ว่า “ลานพิธีกรรมโคโนะริซามะ” ทำไมถึงเรียกว่าลานพิธีกรรม อันนี้แอดมินก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่บอกได้ว่าเป็นวิวไฮไลต์ของการเดินทางในวันนี้เลย

ทางออกเส้นทางเดินเทรกช่วงสุดท้าย

ทางเดินในช่วงสุดท้ายเป็นทางเดินในป่าที่มีต้นไม้หนาทึบมากกว่าที่ผ่านมา เมื่อถึงทางออกก็จะไปเจอกับถนนอีกอีกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ให้เดินเลียบถนนไปทางด้านซ้ายมือ ในที่สุดก็จะพบกับป้ายรถบัส N-38 Kuraigahara Sanso ที่กระท่อมหลังคาสีแดง เราสามารถนั่งพักเหนื่อย สั่งอะไรมารับประทานรอเวลารถบัสขากลับลงไปศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโนริคุระได้

สำหรับเส้นทางเดินครั้งนี้ เราเลือกเดินลงเขาเพื่อที่จะได้ไม่เหนื่อยเกินไป แต่หากใครชอบความท้าทาย อยากจะเดินย้อนขึ้นเขาก็ไม่ว่ากัน

กระท่อมและป้ายรถบัส Kuraigahara Sanso

และนี่ก็ถือเป็นการจบทริปของวันนี้ด้วยความเหนื่อยแบบสุขๆ หากใครที่อยากจะลองสัมผัสประสบการณ์ปีนเขาความสูงระดับ 3,000 เมตรแบบมือสมัครเล่น แนะนำให้ต้องลองปีนยอดเขาเค็งกามิเนะ เพราะมียอดเขาระดับความสูง 3,000 เมตรเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่สามารถปีนแบบ One-day โดยไม่ต้องค้างคืนอยู่บนเขาได้ จะเป็นอย่างไร รอติดตามในบทความต่อๆไปนะคะ

วิธีการเดินทางไปโนริคุระ

การเดินทางในช่วงแรกก็เหมือนกับเวลาเดินทางไปคามิโคจิจากมัตสึโมโต้ คือต้องนั่งรถไฟอัลปิโก้ (สายคามิโคจิ) จากสถานีมัตสึโมโต้มาลงที่ปลายทางสถานีชินชิมะชิมะก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยเปลี่ยนไปขึ้นรถบัสมุ่งหน้าสู่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโนริคุระ (N-29 Norikura Kogen Tourist Info Center) ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งตรงนี้เองก็จะมีสถานที่ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว ร้านอาหารและคาเฟต์น่ารักเพิ่งเปิดใหม่ให้เราแวะรับประทานอาหารได้ หลังจากนั้น เราจะต้องเปลี่ยนรถบัสอีกครั้งหนึ่งเพื่อขึ้นไปถึงยอดเข้าโนริคุระ (N-42 Mt. Norikura (Tatamidaira)) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที

ตารางเวลารถไฟและรถบัส

*จากโตเกียว สามารถนั่งรถบัสไปมัตสึโมโต้ได้โดยรถบัสสายมัตสึโมโต้ – ชินจูกุ

ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวโนริคุระ (Norikura Kogen Tourist Info Center)
ไอศกรีมเจลาโต้รสนมแพะและราสเบอร์รี่
ป้ายรถบัสที่เราต้องขึ้นรถไปยอดเขาโนริคุระ

พาสรถบัสแนะนำ

สำหรับคนที่มีแผนทางจะเที่ยวคามิโคจิด้วย แนะนำพาส 2-Day Free Passport สามารถใช้งานขึ้นรถไฟและรถบัสในคามิโคจิ โนริคุระและมัตสึโมโต้ได้กี่รอบก็ได้ภายใน 2 วัน และยังมีส่วนลดค่าเข้าปราสาทมัตสึโมโต้และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆด้วย นอกจากนี้สำหรับคนที่ชอบเที่ยวแต่ละที่แบบเจาะลึก ก็สามารถเลือกใช้พาส 2-Day Free Passport plus ONE เพิ่มเวลาใช้งานเป็น 3 วันก็ได้

พาส 2-Day Free Passport

เวลาใช้งาน: 2 วันติดต่อกัน
ราคา: ผู้ใหญ่ 7,000 เยน / เด็ก 3,500 เยน

พาส 2-Day Free Passport plus ONE

เวลาใช้งาน: 3 วันติดต่อกัน
ราคา: ผู้ใหญ่ 8,500 เยน / เด็ก 4,250 เยน

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับพาส 2-Day Free Passport >

บันทึกการเดินทางตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ “สึกาอิเคะ”
อาหารพื้นเมืองที่ต้องลองเมื่อมามัตสึโมโต้ !

บทความที่คุณอาจสนใจ

One-day Trip in Suwa นั่งเรือล่องทะเลสาบสุวะ เดินตะลอนเที่ยวชิมสาเกชื่อดัง

ชมวิวเทือกเขาเจแปนแอลป์ ขณะแช่ออนเซ็นที่โรงแรมโชโฮ