บันทึกการเดินทางตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีที่ “สึกาอิเคะ”

22 พ.ย. 2019

ฮาคุบะไม่ได้เป็นเพียงลานสกีระดับโลกที่โด่งดังมีชื่อเสียงแต่ในเรื่องสโนว์พาวเดอร์เท่านั้น นอกฤดูสกีก็ยังมีธรรมชาติภูเขาสวยงามมากมายรอคอยให้นักท่องเที่ยวมาเยือน ถึงแม้ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนอกกระแส แต่รับรองว่าใครก็ตามที่มาฮาคุบะ จะต้องเก็บแต่ความประทับใจกลับไปอย่างแน่นอน

เนื้อหาบทความ

  1. 1. เดินเทรกชมใบไม้เปลี่ยนสีในอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ
  2. 2. วิธีการเดินทางไปฮาคุบะสึกาอิเคะ
  3. 3. เวลาทำการและค่าเข้าอุทยาน

ใครที่เป็นผู้นิยมท่องเที่ยวแนวธรรมชาติ ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือแค่อยากจะหนีความวุ่นวายในเมืองให้ธรรมชาติช่วยเยียวยา ห้ามพลาดฮาคุบะ เพราะที่นี่มีกิจกรรมให้ทำทุกอย่างตั้งแต่พายเรือคายัค ร่อนเครื่องร่อน (Paragliding) ขี่เมาเท่นไบค์ ไปจนเดินเทรกกิ้งและปีนเขา ซึ่งที่เราจะแนะนำในบล็อกนี้ก็คือการเดินเทรกที่อุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ (Tsugaike Nature Park – 栂池自然園) ที่บนความสูงเกือบ 2,000 เมตรนี้ เราสามารถชมหุบเขาหิมะ (Daisekkei) ซึ่งมีหิมะหลงเหลืออยู่ในชมตลอดทั้งปีได้ด้วย

เดินเทรกชมใบไม้เปลี่ยนสีในอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ

กรณีที่เดินทางโดยรถไฟให้ลงที่สถานีฮาคุบะ ข้างนอกสถานีฮาคุบะจะมีร้านของฝากและร้านอาหารเรียงรายอยู่ไม่น้อย ทางด้านซ้ายมือที่มีป้ายสีเขียวอยู่ด้านหน้าก็คือศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว เท่าที่ถามมา พวกตั๋วโรปเวย์หรือกอนโดล่าที่นี่จะขายถูกกว่าจุดที่ขึ้นกอนโดล่า เมื่อมาถึงแล้วสามารถเข้าไปหาข้อมูลและใบปลิวต่างๆได้จากที่นี่ค่ะ

รถชัตเทิลบัสฟรีลายสัตว์มุ้งมิ้งที่นำเราไปสึกาอิเคะ รถบัสบางรอบไปไม่ถึงอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ ถ้าไม่แน่ใจ ก่อนขึ้นถามคนขับก่อนดีที่สุด (ป.ล. ท้องฟ้าทำท่าไม่ดีตั้งแต่ยังไม่เริ่มเดินเลย...)

ครั้งนี้เราออกเดินทางตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้าจากมัตสึโมโต้ด้วยรถไฟ เพื่อให้ทันกับรถชัตเทิลบัสฟรีที่จะไปอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ เนื่องจากทั้งรอบรถไฟและรอบรถชัตเทิลบัสมีน้อยมากแถมเวลายังไม่พอดีกันด้วย หากเดินทางเป็นกลุ่มแนะนำว่าจากสถานีนั่งรถแท็กซี่ไปจะสะดวกที่สุด (ประมาณ 3,000 เยน)

(ข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติมอยู่ด้านล่างบทความ)

จากด้านล่างที่สถานีกอนโดล่า Tsugaike Kogen ที่ความสูงประมาณ 839 เมตร เรานั่งกอนโดล่า “Eve” และเปลี่ยนไปขึ้นโรปเวย์นั่งต่อขึ้นไปจนถึงความสูงที่ 1,829 เมตร รวมเรียกว่า “Tsugaike Panoramaway” ใช้เวลาประมาณ 30 นาที (ขาเดียว)

●Tsugaike Kogen Station
↓ นั่ง Tsugaike Gondola “Eve” 20 นาที
●Tsuga-no-mori Station
↓ เดิน 250 เมตร
●Tsugaike Daimon Station
↓ นั่ง Tsugaike Ropeway 5 นาที
●Shizen-en Station

ตอนที่ขึ้นโรปเวย์ เห็นสภาพหมอกลงหนาแบบนี้ก็แทบจะถอดใจไปแล้ว แต่ก็คิดในแง่บวกว่ามันอาจจะดีขึ้น แถมพยากรณ์อากาศยังเป็นรูปพระอาทิตย์กับก้อนเมฆด้วย มาถึงนี้แล้วจะกลับลงไปทั้งยังงี้ได้ไง

ทางด้านขวาคือ Tsugaike Hutte เป็นทั้งร้านอาหาร ร้านของฝากและที่พัก ส่วนทางด้านซ้ายมือคือศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว สามารถหยิบแผนที่เดินเทรกได้จากที่นี่ (มีฉบับภาษาอังกฤษด้วย) ร้านอาหารเปิดให้บริการแค่ระหว่างเที่ยงถึงบ่าย 2 โมงเท่านั้น ใครมาถึงตอนเที่ยงพอดีก็แวะกินข้าวก่อนเลย

แผนที่เดินเทรกภายในอุทยาน

หยิบแผนที่เดินเทรกแล้วก็ลุยเลย วันนี้เป้าหมายของเราคือไปให้ถึงจุดชมวิวหุบเขาหิมะที่ไม่ละลายตลอดทั้งปี (Daisekkei) เส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางเดินทำด้วยไม้ทอดยาวข้ามหนองบึงต่างๆ และมีบางส่วนที่เป็นทางเดินในป่า กรณีเดินครบรอบจะใช้เวลาทั้งหมด 3.5 ชั่วโมง เป็นระยะทางประมาณ 5.5 ก.ม. ถ้าหากใครไม่มีเวลาพอก็สามารถเลือกเดินเส้นทางที่ใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงก็ได้

อุทยานธรรมชาติชาติสึกาอิเคะแบ่งอาณาเขตออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ๆ ได้แก่ หนองน้ำมิสึบะโช (Mizubasho Marsh) หนองน้ำวาตะซึเกะ (Watasuge Marsh) หนองน้ำอุคุชิมะ (Ukishima Marsh) และหนองน้ำเท็นโบ (Tenbo Marsh) ซึ่งแต่ละจุดก็จะมีจุดชมวิวในมุมที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะที่บริเวณหนองน้ำวาตะซึเกะ (Watasuge Marsh) จะพบกับวิวทุ่งหญ้าเปิดกว้าง มองไปไกลสุดสายตา ห้อมล้อมไปด้วยเทือกเขาฮาคุบะซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเจแปนแอลป์

เมื่อเดินไปถึงจุดชมวิวที่ว่า จู่ๆท้องฟ้าก็แจ่มใส่ขึ้นมาซะอย่างนั้น แม้จะยังมีเมฆบังทิวเขาอยู่เล็กน้อย แต่ก็เห็นอยู่รำไรว่าเมฆเคลื่อนกำลังตัวอยู่ เราก็เลยตัดสินใจรอดูสถานการณ์อีกสักพัก และแล้วความหวังก็เป็นจริงเพราะในที่สุดก้อนเมฆก็เคลื่อนหายไปจนหมด!

วิวนี้ที่รอคอย~

TIP! ช่วงเวลาชมใบไม้เปลี่ยนสีที่อุทยานคือช่วงปลายก.ย. – ต้นต.ค. (แต่ละปีอาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้) สำหรับรูปในบล็อกนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 9 ต.ค. 2019

เมื่อถ่ายรูปจนหน่ำใจแล้วก็ออกเดินต่อ ทางเดินในช่วงแรกเป็นทางราบเดินง่าย แต่จะเริ่มมีความชันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ที่ความสูง 1,870 เมตร (หนองน้ำวาตะซึเกะ) ไปจนถึง 2,010 เมตร (หนองน้ำเท็มโบ)

เมื่อเดินไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ มองลงมาก็จะเห็นวิวสวยๆแบบนี้ มองดีๆจะเห็นศูนย์นักท่องเที่ยวที่เราเดินผ่านมากันด้วย

ตลอดทางเดินจะมีจุดพักเป็นระยะๆ ใครจะพกเอาเบ็นโตะหรือข้าวเที่ยงขึ้นมาแล้วแวะรับประทานกันระหว่างเดินเทรกก็ได้

ระหว่างเดินมองวิวเพลินๆ ก็ไปเจอะกับใบไม้เปลี่ยนสี แต่เปลี่ยนแค่ใบเดียวนะ!

ในที่สุดก็มาถึงเป้าหมายแล้วที่หนองน้ำเท็มโบ แต่น่าเสียดายที่ท้องฟ้าไม่เข้าข้างเราเป็นครั้งที่ 2 ถึงแม้ว่าจะนั่งรออยู่ตั้งครึ่งชั่วโมง เมฆก็ไม่เคลื่อนที่ไปไหนเลย เราก็เลยไม่ได้เห็นหุบเขาหิมะอย่างที่หวังไว้ ได้แต่ใช้พลังจินตนาการนิมิตรเอาเองว่าข้างหลังเมฆจะเป็นหุบเขาหิมะสวยงาม ถึงอยากจะรอต่อแต่ก็จำใจต้องกลับลงไปเพราะจะไม่ทันรอบรถบัสขากลับ

ขากลับ เราเลือกกลับลงไปคนละทางกับที่ขึ้นมา เจอกับบันไดทอดยาวเป็นระยะพอสมควรเลย แอบคิดว่าถ้าเลือกขึ้นมาทางนี้คงจะเหนื่อยน่าดู แต่ระหว่างทางก็มีใบไม้สีแดง ส้ม เหลืองให้ชมพอไปตามทาง เพลินตาเพลินใจดี

ทางเดินบางส่วนเป็นทางเดินธรรมดา ไม่ได้มีแผ่นไม้รอง ถ้าเป็นช่วงหลังฝนตกก็อาจจะเดินยากและเฉอะแฉะหน่อย ใครจะไปก็เตรียมรองเท้าที่สมบุกสมบันได้ไปด้วยนะคะ

ในที่สุดก็กลับลงมาถึงทางราบอีกครั้ง และแวะเข้าไปพักเหนื่อย ดื่มน้ำชาฟรีที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว วันนี้สภาพอากาศที่เดี๋ยวๆก็แจ่มใส สักพักก็ครึ้มฟ้าครึ้มฝน และจู่ๆก็มีหมอกลง ทำเอาเราเดาทางกันไม่ถูกเลยทีเดียว ยังไงก่อนออกเดินทางก็ตรวจดูสภาพอากาศก่อนนะคะ และถึงแม้ว่าจะไม่มีสัญลักษณ์ฝนตกก็ไม่ควรจะประมาท เตรียมอุปกรณ์กันหนาวกันลม ถ้าจะให้ดีก็ควรจะพกร่มพับไปเผื่อด้วย!

ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวเปิดให้ทำการตั้งแต่ 8:30 น. จนถึง 16:40 น.

ท้องฟ้าเปิดอีกครั้งขณะที่เรานั่งกอนโดล่ากลับลงไป

ขอสารภาพว่าเนื่องจากเรายังไม่ได้ทานอาหารเที่ยงเลยนอกจากขนมเล็กๆน้อยๆ ก่อนจะขึ้นรถบัสกลับไปสถานีฮาคุบะ เลยแวะกินแฮมเบอร์เกอร์ราดชีสเยิ้มๆที่ร้าน Tsuga Base ซึ่งอยู่ด้านล่างข้างๆกับจุดที่เราลงรถชัตเทิลบัสตอนขามา แอบกระซิบนิดนึงว่าข้างๆมีบ่อน้ำร้อนให้แช่เท้าด้วย อย่าลืมพกผ้าผืนเล็กๆไปด้วยนะ

ที่จริงเราตั้งใจว่าจะนั่งรถบัสฟรีไปลงที่สถานีฮาคุบะ แต่กลับลงมาไม่ทันเลยต้องนั่งรถบัสสายนากาโนะ – ฮาคุบะแทน ส่วนใครที่จะกลับเข้าเมืองนากาโนะ ก็สามารถนั่งรถบัสสายเดียวกันนี้ถึงสถานีนากาโนะได้เลย (ป.ล. ไม่มีรถไฟจากสถานีฮาคุบะไปสถานีนากาโนะโดยตรง ต้องนั่งรถบัสอย่างเดียว)

ป้ายรถบัสสายนากาโนะ – ฮาคุบะ (ต้องเดินออกมาข้างนอกอีกนิด คนละป้ายกับรถบัสฟรีขามา)

จบทริปเดินเขาชมใบไม้เปลี่ยนสีไปอีกหนึ่งวัน อย่างเหนื่อยๆแต่มีสุขและอิ่มตาอิ่มใจ สำหรับใครที่กำลังหาที่ดูใบไม้เปลี่ยนสีสวยๆแบบไม่ซ้ำใคร แนะนำให้มาที่อุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะเลยค่ะ

วิธีการเดินทางไปฮาคุบะสึกาอิเคะ

นอกจากการเดินทางจากมัตสึโมโต้ไปฮาคุบะที่ได้แนะนำไปตอนต้นบทความแล้ว ยังสามารถเดินทางไปได้ไม่ยากจากทั้งนากาโนะและโตเกียว สามารถดูตารางเวลาและเส้นทางรถบัสได้ที่ลิงค์ด้านล่าง

รถบัสจากนากาโนะไปฮาคุบะ  >
*สามารถไปถึงอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะได้โดยตรง โดยไม่ต้องต่อรถที่ท่ารถบัสฮาคุบะฮัปโป (Hakuba Happo Bus Terminal)

รถบัสจากชินจูกุไปฮาคุบะ >
รถบัสจากโอซาก้าไปฮาคุบะ >
*จำเป็นต้องต่อรถที่ท่ารถบัสฮัปโป

จากสถานีฮาคุบะและท่ารถบัสฮัปโปไปอุทยานสึกาอิเคะ สามารถนั่งรถชัตเทิลบัส (Hakuba Mountain Resort Shuttle Bus) หรือแท็กซี่ก็ได้ไปลงที่สถานีกอนโดล่า “Eve” แต่ถ้าเดินทางหลายคน นั่งแท็กซี่ไปจะสะดวกที่สุด เพราะไม่ต้องรอเวลารถบัส  จากนั้นให้นั่งกอนโดล่าขึ้นไปสถานี “Tsuga-no-Mori” เมื่อลงจากกอนโดล่า ให้เดินต่อไปยังสถานี “Tsuga-Daimon” ที่อยู่ใกล้ๆกันเพื่อเปลี่ยนไปขึ้นโรปเวย์ไปยังสถานี “Shizen-en” ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับทางเข้าอุทยานธรรมชาติสึกาอิเคะ (Tsugaike Nature Park)

รวมเส้นทางรถบัสสายอื่นๆที่ไปฮาคุบะ >

เวลาทำการและค่าเข้าอุทยาน

เวลาทำการ: 1 มิ.ย. – 31 ต.ค.
ราคาค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 300 เยน / เด็ก 250 เยน
***สามารถซื้อตั๋วขึ้น-ลงกอนโดล่าและโรปเวย์พร้อมกับตั๋วค่าเข้าอุทยานได้ในราคา 3,600 เยน

อ่านข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในฮาคุบะเพิ่มเติม >

เวียนกินจนพุงกาง: สุดยอดโซบะ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นที่โทะกากุชิ
ตะลุยเดินเทรกผ่านดงใบไม้เปลี่ยนสี @ยอดเขาโนริคุระ

บทความที่คุณอาจสนใจ

จุดเช็คอินกินลมชมธรรมชาติในนากาโนะและเจแปนแอลป์

เดินทางท่องบ้านเกิดศิลปินยาโยอิ คุซามะด้วย “งานศิลป์เคลื่อนที่” เพียงหนึ่งเดียวในโลก